พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [4.จตุตถปัณณาสก์]
4.โยธาชีววรรค 6.อุมมัคคสูตร
4. พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า ไม่มีเรา1เป็นที่กังวลของใคร ๆ ในที่
ไหน ๆ และไม่มีผู้อื่น2เป็นที่กังวลของเราในที่ไหน ๆ3 พราหมณ์
เมื่อพูดอย่างนี้ ชื่อว่าพูดจริง ไม่ใช่พูดเท็จ เพราะการพูดนั้น เขา
จึงไม่สำคัญตนว่า เป็นสมณะ ไม่สำคัญตนว่า เป็นพราหมณ์
ไม่สำคัญตนว่า เป็นผู้ประเสริฐกว่าเขา ไม่สำคัญตนว่า เป็นผู้
เสมอเขา ไม่สำคัญตนว่า เป็นผู้ด้อยกว่าเขา และเขารู้สัจจะ
ในข้อปฏิบัตินั้น จึงปฏิบัติปฏิปทาที่ไม่ให้กังวล
ปริพาชกทั้งหลาย สัจจะของพราหมณ์ 4 ประการนี้แล อันเราทำให้แจ้งด้วย
ปัญญาอันยิ่งเองแล้ว จึงประกาศให้ผู้อื่นรู้ตาม
สมณสัจจสูตรที่ 5 จบ
6. อุมมัคคสูตร
ว่าด้วยผู้มีปัญญาใฝ่รู้
[186] ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวาย
อภิวาทแล้วจึงนั่ง ณ ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ โลกอันอะไรหนอแลนำไป โลกอันอะไรชักนำมา และบุคคลย่อมลุอำนาจ
อะไรที่เกิดขึ้น
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดีละ ดีละ ภิกษุ ปัญญาใฝ่รู้4ของเธอดีนัก ปฏิภาณดีนัก
สอบถามเข้าที เธอถามอย่างนี้ว่า โลกอันอะไรหนอแลนำไป โลกอันอะไรชักนำมา
และบุคคลย่อมลุอำนาจอะไรที่เกิดขึ้นหรือ